สำหรับข่าวนี้อาจจะแปลกไปสักหน่อย เพราะเราไม่ได้รายงานความน่ารัก หรือความฉลาดของแมวเหมียวโดยตรง แต่มันเกี่ยวกับคนที่พยายามจะใช้แมวเป็นเครื่องมือ แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด…
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว ที่แคว้น Tula Oblast เมืองทางภาคตะวันตกของประเทศรัสเซีย โดยแก๊งค้ายาเสพติดชาวรัสเซียได้พยายามใช้แมวน้อยขนยาเสพติดเข้าไปในเรือนจำ
แผนการของคนร้ายคือ บรรจุยาเสพติดลงในกระดิ่งผูกคอแมว แล้วให้มันลักลอบเดินเข้าไปในเรือนจำเพื่อนำยาเสพติดไปส่งให้กับนักโทษชายคนหนึ่ง
แต่โชคร้ายที่พัสดีเรือนจำไหวพริบดี จึงจับตัวเจ้าแมวเอาไว้ได้พร้อมหลักฐานยาเสพติดในกระดิ่ง และยังตามไปจับตัวผู้ชายเจ้าของแมวได้ด้วย
จากนั้นทางเรือนจำได้ส่งตัวเจ้าแมวมือขนยาเสพติดไปให้ตำรวจ เพื่อให้นำตัวเจ้าเหมียวไปฝากขังไว้ที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งในฐานะหลักฐานสำคัญที่จะใช้ฟ้องศาล
กระทั่งวันหนึ่งในฤดูร้อนของปีนี้เอง ขณะที่พนักงานสวนสัตว์พาเจ้าแมวตัวดังกล่าวออกไปเดินเล่น ปรากฎว่ามันใช้จังหวะที่พนักงานเผลอ วิ่งหนีหายไปภายในชั่วพริบตาเดียว สมกับเป็นมือขนยาจริงจริ๊ง
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปีนี้เอง ก็ถึงเวลาที่ศาลได้นัดไต่สวนคดี แต่สำนักงานอัยการไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเจ้าเหมียวมือขนยาได้หนีไปแล้ว
หากไม่มีหลักฐานซึ่งเป็นแมวมาขึ้นศาล ก็จะไม่มีการไต่สวนเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงหาแมวตัวอื่นที่รูปร่างคล้ายกันมาแทน และพวกเขาก็หาได้จริงๆ
ทนายความจำเลยสุดฉลาดล้ำและรู้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่แมวตัวจริงเลยโต้แย้งว่า
เค้าไม่รู้เรื่องนะ เค้าอยู่ของเขาดีๆ พาเค้าขึ้นศาลทำไม
แต่… ด้วยความจำสุดล้ำของทนายความจำเลย เขารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แมวตัวจริงที่เป็นมือขนยา เพราะนอกจากหน้าตาที่ไม่เหมือนกันแล้ว ขนาดก็แตกต่างกันด้วย
นี่ถือเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากสร้างหลักฐานเท็จขึ้น ซึ่งทางด้านประชาชนชาวกรุงมอสโกก็เห็นด้วยกับทนายความว่า อัยการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
แมวตัวด้านซ้ายคือมือลักลอบขนขา ส่วนตัวขวาคือหลักฐานเท็จที่ถูกสร้างขึ้นมา
สุดท้ายศาลก็เลื่อนการไต่สวน จนกว่าจะหาแมวมือขนยาตัวจริงเจอ มิเช่นนั้น ก็คงต้องให้ฝ่ายจำเลยชนะคดี และหากโจทย์ต้องการชนะคดี ก็ต้องหาเจ้าเหมียวให้เจอก่อนที่คดีความจะหมดอายุ
รับชมคลิปได้ที่ https://news.tv-asahi.co.jp/news_internati…/…/000169424.html
ดูสีหน้าก็รู้ว่าใครคือวายร้ายตัวจริง แหม่ หลอกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะ
ที่มา facebook