หลายครอบครัวตัดสินใจทิ้งสัตว์เลี้ยงตัวเอง เมื่อรู้ว่ากำลังจะมีลูกหรือหลาน เพราะกลัวว่าสัตว์จะเป็นภัยต่อสุขภาพทารก รวมไปถึงอาจทำให้เด็กบาดเจ็บได้
แต่ก็ยังมีบางครอบครัวที่ไม่ได้คิดแบบนั้น เหมือนกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Book Puntarapat Ripunchaiyarpong และภรรยา Tan Tharasub
ผู้เป็นสามีเล่าว่าเขาเชื่อมาตั้งแต่ภรรยาตั้งท้องแล้วว่า พวกเขาสามารถเลี้ยงลูกให้เติบโตพร้อมแมวเหมียวทั้ง 4 ตัวของบ้านได้ โดยที่ลูกจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
แม้จะเชื่อมั่นอย่างนั้น แต่พวกเขาศึกษาหาข้อมูลและข้อควรระวังของการเลี้ยงเด็กกับแมว ทั้งคู่ไม่ได้ระแวงและไม่ประมาทในเวลาเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ สองสามีภรรยาจึงไม่ได้มีความคิดที่จะทิ้งแมว ตรงกันข้าม พวกเขาเตรียมความพร้อมและรอจนกระทั่งลูกสาวตัวน้อยๆ เกิด
เด็กหญิงตัวน้อยชื่อ น้องลิน นับตั้งแต่วันแรกที่เกิด ก็มีพี่ๆ ขนปุยรายล้อม โดยทุกตัวรักและอ่อนโยนกับเธอราวกับเป็นน้องสาวคนหนึ่ง
พี่เหมียวทั้ง 4 ตัว ทำหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและเพื่อนเล่นของน้องลิน พวกเขาทำให้น้องยิ้ม หัวเราะ และอารมณ์ดีอยู่เสมอ ที่สำคัญที่สุดคือ น้องลินไม่ได้มีปัญหาสุขภาพที่เกิดจากแมวเลย
ตลอด 9 เดือน ที่น้องลินโตมาพร้อมพี่ๆ ขนปุย เธอมีสุขภาพแข็งแรง กินเก่ง และกินอาหารได้ทุกชนิด ไม่มีอาการแพ้ขนแมวหรือโปรตีนแต่อย่างใด
เมื่อน้องลินโตขึ้นอีกหน่อย พ่อแม่ก็เริ่มให้พี่ๆ เหมียวขึ้นเตียงเธอได้บ้าง เพื่อเพิ่มการสัมผัสแอนติเจนน้อยๆ ให้เธอเรียนรู้ โดยแบ่งสัดส่วนและใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องความสะอาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทุกวันนี้ น้องลินทานข้าวในหลักสูตร BLW (การให้ลูกน้อยจัดการการกินอาหารของตนเองด้วยตนเอง โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องป้อน) และสามารถอยู่บนพื้นเดียวกับพี่ๆ ขนปุยทั้ง 4 ตัวได้สบายๆ
การมีลูกน้อยไม่ได้ทำให้พ่อแม่รักแมวเหมียวทั้ง 4 น้อยลงเลย ทั้งคู่สัญญาว่าจะไม่ละเลยหรือสนใจใครมากน้อยไปกว่ากัน โดยให้น้องลินเรียกลูกขนปุยว่าพี่ๆ เพราะจริงๆ แล้วน้องลินคือลูกคนที่ 5 ของพวกเขา
พี่น้องทั้ง 5 ประกอบด้วย พี่เหมียว 4 ตัวคือ พี่สมุย พี่สมาย พี่ซัมเมอร์ พี่สมอร์ และน้องคนเล็กสลินดา หรือน้องลินนั่นเอง
นอกจากนี้พ่อแม่ยังเชื่อว่าการให้ลูกโตมากับสัตว์เลี้ยงนั้น จะทำให้น้องลินมีจิตใจอ่อนโยน เป็นคนที่รักและให้ความเอ็นดูต่อชีวิตทุกชีวิตอย่างสมดุล
สำหรับใครที่สงสัยว่าทำไมพ่อแม่คู่นี้ถึงมั่นใจได้ขนาดนี้ว่าสัตว์เลี้ยงจะไม่เป็นอันตรายกับลูก คุณพ่อเผยว่าเป็นเพราะทั้งเขาและภรรยาต่างเรียนจบสัตวแพทย์
ทั้งคู่เลี้ยงแมวเป็นระบบปิด แบ่งสัดส่วนการเลี้ยงและการดูแลอย่างเป็นระเบียบ โดยผู้เป็นพ่อเป็นคนดูแลส่วนของห้องส้วมแมวทั้งหมด และให้ความสำคัญสุขอนามัยเป็นหลัก
ไม่เพียงแค่เรียนจบสัตวแพทย์เท่านั้น แต่ทั้งคู่ยังมีเพื่อนที่เป็นหมอทั่วไป หมอเด็กและหมอเฉพาะทางต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้น หากมีอะไรที่เหนือความสามารถ พวกเขาก็สามารถปรึกษาเพื่อนๆ เหล่านี้ได้
เมื่อแม่บอกให้เฝ้าน้อง… ง่วงแค่ไหนก็นอนไม่ได้ กลัวน้องหาย
ทั้งพี่ทั้งน้อง ขี้เซาพอกันเลย
ที่มา Book Puntarapat Ripunchaiyarpong