ครอบครัวของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ย่อมต้องทำใจเตรียมรับมือกับความสูญเสียไว้อยู่แล้ว ทว่าพวกเขาคงไม่คิดหรอกว่าพวกเขาจะเสียสมาชิกครอบครัวไปถึง 2 ชีวิตพร้อมๆ กัน
หนุ่ม Stuart Hutchison รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งสมองครั้งแรกในปี 2011 ตั้งแต่ตอนนั้นเจ้าหมา Nero ก็อยู่เป็นกำลังใจให้เขาตลอดมา
Stuart เข้ารับการรักษาโดยการทำคีโมจนกระทั่งอาการดีขึ้น ทว่าเขาสุขภาพดีได้ไม่นานนัก ไม่กี่ปีต่อมามะเร็งก็เข้าจู่โจมเขาอีก
ทว่าถึงเขาจะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง เขาก็ยังมีกำลังใจที่ดีเนื่องจากมีทั้งครอบครัวและเจ้าหมา Nero อยู่ด้วย ความเป็นห่วงของเพื่อนรัก 4 ขาทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ทุกครั้ง
นอกจากนี้ตอนที่เขาอายุ 22 ปีเขาก็ได้แต่งงานกับ Danielle หญฺิงสาวที่รักและคบหากันมาหลายปี เขาจึงมีคนที่ให้กำลังใจเขาเพิ่มขึ้นอีก
แต่ในปี 2018 อาการของ Staurt ก็ทรุดหนัก หมอตรวจพบว่าตอนนี้มะเร็งได้ลามจากสมองของเขาเข้าไปในกระดูกและเชิงกรานของเขาเรียบร้อยแล้ว
เขาป่วยหนักจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ คนในครอบครัวจึงต้องช่วยกันดูแลเขา และเมื่อช่วงต้นปี 2019 เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองคงเหลือเวลาใช้ชีวิตอีกไม่นาน
Staurt จึงขอออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวต่อที่บ้าน เนื่องจากเขาอยากจะตายในบ้านของตัวเอง ซึ่งทุกคนในครอบครัวก็เข้าใจดีเช่นกัน
จนกระทั่งในคืนวันที่ 11 สิงหาคม 2019 ชายหนุ่มก็ตายจากครอบครัวไป ทำให้คนในครอบครัวสะเทือนใจมาก โดยเฉพาะเจ้าหมา Nero ที่รักเขาเหมือนชีวิต
เจ้าของเป็นโลกทั้งใบของสัตว์เลี้ยง พอไม่มีเขาอยู่แล้วโลกของมันก็เหมือนดับสิ้นลงเช่นกัน คงเป็นเพราะแบบนั้น 15 นาทีหลังจากที่ Staurt ตายไปเจ้า Nero จึงตรอมใจตายตามไป
ถึงจะทำใจเอาไว้แล้วทั้งภรรยาและพ่อแม่ของเขาก็เศร้ากับการตายของเขามาก และยิ่งเศร้ากว่าเดิมเมื่อต้องสูญเสีย Nero ไปด้วย
ครอบครัวของเขาเล่าว่า “เจ้า Nero เป็นสุนัขที่อยู่กับเขามาโดยตลอด Danielle เสียใจมากที่ต้องเสียมันไปพร้อมกับสามี
ตอนที่พวกเขาเข้าไปบอกลา Staurt เจ้าหมาก็อาการไม่ค่อยดีแล้ว เรารีบพาเจ้าหมาไปหาสัตวแพทย์ทันทีแต่มันก็ตายไป
สัตวแพทย์บอกว่ามันตายเพราะมีอาการรั่วสักอย่างแถวกระดูกสันหลัง แต่ก่อนหน้านี้มันยังสบายดีอยู่ลย” ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคิดว่ามันตายตามเจ้าของไปมากกว่า
ที่มา: Lad Bible