ตอนแรกที่ Kristofer Goldsmithได้เจอกับเจ้าหมาน้อยระหว่างทาง เขารู้สึกแปลกใจมาก เนื่องจากมันไม่มีใครคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
แต่ดูจากสภาพร่างกายน้องหมาที่ค่อนข้างแข็งแรง นิสัยเป็นมิตรกับคน และชุดนอนน่ารักๆ ที่ใส่อยู่ มันก็ไม่มีทางเป็นหมาจรจัดเช่นกัน
ด้วยความที่เป็นห่วงมัน เขาจึงตัดสินใจพามันนั่งรถไปด้วยกัน เขาคิดว่าน่าจะดีกว่าปล่อยมันทิ้งไว้ตัวเดียว เนื่องจากมันอาจจะถูกหมาจรจัดข่มขู่ หรืออาจจะไม่มีคนช่วยมันก็ได้
Goldsmith พยายามช่วยเจ้าหมาที่มีชื่อติดปลอกคอว่า Frosting ตามหาเจ้าของโดยการพามันเดินไปรอบๆ บริเวณนั้นดู แต่ว่าดูเหมือนมันจะไม่คุ้นบ้านหลังไหนเป็นพิเศษเลย
จากนั้นเขาจึงลองเปลี่ยนวิธีมาลองติดต่อเบอร์ของคลินิกสัตว์ ที่อยู่บนป้ายชื่อของมันดูเผื่อว่าจะติดต่อเจ้าของผ่านทางนี้ได้บ้าง
ทว่าคลินิกสัตว์ก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้เขาได้ พวกเขาบอกเพียงแค่ว่าจะลองติดต่อไปหาเจ้าของแล้วติดต่อเขากลับอีกทีหนึ่งดู แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อมาเลย
ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ดูแลเจ้าหมาไปก่อน แล้วรอให้ถึงเวลาเลิกงานค่อยเอาเจ้าหมาไปไว้ที่ศูนย์พักพิงสัตว์สักแห่งใกล้ๆ นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แต่แล้วแผนของ Goldsmith ก็พังลงตอนที่พามันมาที่ทำงานด้วยนี่แหละ เขาพึ่งได้รู้ว่าเจ้าหมามันมีนิสัยขี้อ้อนเอามากๆ เลย
มันพยายามอ้อนจะนั่งตักเขาอยู่ตลอด ถึงแม้เขาจะลองย้ายมาทำงานที่เคาท์เตอร์แบบยืนแล้ว มันก็ยังตามมาเกาะขาเขาอยู่ดี สุดท้ายเขาจึงต้องยอมให้มันนั่งตักตามที่มันต้องการ
มาถึงจุดนี้ Goldsmith ก็ตกหลุมรักกับความเป็นมิตรของมันเกินว่าจะพามันไปส่งศูนย์พักพิงสัตว์แล้ว เขาคิดว่าถ้าไม่มีใครติดต่อมารับตัวมันก็จะเลี้ยงมันไว้ซะเอง
ในคืนแรกที่เจอมันเขายังไม่สะดวกพามันกลับไปบ้าน จึงพามันไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนก่อนเป็นการชั่วคราว แล้วค่อยพามันไปที่บ้านในวันรุ่งขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ติดมัน เจ้า Frosting ก็ติดเขาแล้วเช่นกัน พอเขาเดินออกจากบ้านของเพื่อน เจ้าหมาก็เลยมาเกาะประตูและมองตามเขาท่าเดียว
หลังจากพ้นช่วงที่รอเจ้าของมารับตัวมัน เขาก็ทำเรื่องรับเลี้ยงเจ้า Frosting ทันที ตอนนี้มันจึงเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะยังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่ามันไปอยู่ตามลำพังได้ยังไง และทำไมเจ้าของเก่าของมันถึงไม่ติดต่อมา แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว เพราะเขายินดีที่มีมันอยู่ด้วย
ที่มา: Creepy World