เจ้าหมา Jax พันธุ์อาคิตะมีลวดลายบนหน้าที่ไม่เหมือนใคร และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มันจากเจ้าของไปก่อนเวลาอันควรเช่นกัน
เจ้าของของมันจึงอยากเล่าถึงเรื่องของ Jax เพื่อให้ทุกคนได้รู้เกี่ยวกับโรคนี้ และเพื่อให้ทุกคนได้จดจำความน่ารักของเจ้าหมาตัวนี้ดี
Tony Modica และภรรยา Lindsey เอาเจ้าหมา Jax มาเลี้ยงตั้งแต่มันยังอายุได้แค่ 3 เดือน ตอนนั้นใบหน้าของมันยังเป็นสีดำสนิท
พวกเขาคิดว่าฟาร์มของมันเป็นฟาร์มที่เชื่อถือได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น คนขายจึงไม่ได้บอกพวกเขาว่ามันป่วยตั้งแต่เกิด
Tony กับ Lindsey เลี้ยงเจ้า Jax ด้วยความใส่ใจเรื่อยมา มันเป็นสุนัขที่เป็นมิตรกับทุกคน ทำให้ทุกคนที่เจอเจ้าหมาเอ็นดูมัน
ทว่าพอมันอายุได้ 2 ขวบเจ้าหมาก็เริ่มมีปัญหาเรื่องการมองเห็น และสีขนก็มันก็เริ่มมีสีขาวแซม พวกเขาจึงพามันไปหาสัตวแพทย์
อย่างไรก็ตามสัตวแพทย์ที่พวกเขาไปหา ไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้าหมาป่วยเพราะอะไร และก็ไม่มีความคืบหน้าเลยตลอดเวลาหลายเดือนที่ไปหาหมอ
คู่รักจึงลองหันมาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากโลกออนไลน์แทน และได้รู้จากกลุ่มคนรักหมาในเฟซบุ๊กว่าเจ้าหมาน่าจะเป็นโรค Uveodermatologic syndrome (UVD)
โรค UVD เป็นโรคหายากซึ่งเกิดระบบภูมิต้านทานผลิตสารที่เข้าไปทำลายเม็ดสีผิวของเจ้าหมา รวมถึงทำลายเซล์รับแสงที่ด้านหลังของดวงตาด้วย
นั่นทำให้ Jax มีสีขนผิดปกติบนใบ้หน้า และมีปัญหาเรื่องการมองเห็น ซึ่งน่าจะส่งผลให้มันตาบอดสนิทในอนาคต
เรื่องสีขนของมันที่เปลี่ยนไปไม่น่าเป็นห่วงหรอก แต่ดวงตาของมันนี่สิที่น่าห่วง คู่รักจึงหันมาใส่ใจกับการรักษาดวงตาให้มันมากกว่า
แต่กว่าจะรู้สาเหตุของโรคที่มันเป็น ก็ตอนที่มันออกอาการมานานแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่จึงทำได้แค่ให้มันกินยาเพื่อระงับอาการไม่ให้ลุกลามเท่านั้น
แต่ถึงเจ้าหมาจะตาไม่ค่อยดีแล้ว มันก็ยังเป็นที่รักของคนอื่นอยู่เสมอ เนื่องจากมันมีลายที่สวยและดูสะดุดตาผู้คน
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนหลงรักเจ้า Jax ก็คือรอยยิ้มของมัน เจ้าหมามักจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเสมอ ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกมีความสุขตามมันไปด้วย
หลังจากมันมอบรอยยิ้มให้กับ Tony และ Lindsey มานาน 5 ปี เจ้าหมาก็ตายจากไปในที่สุด โดยสาเหตุไม่ใช่เพราะโรค UVD แต่น่าจะเป็นเพราะโดสยาที่ต้องกินมาโดยตลอดเพื่อควบคุมโรค
Tony คิดว่าถ้าหากพวกเขารู้ว่ามันป่วยเร็วกว่านี้ คงจะรักษาและควบคุมอาการได้ทันท่วงที และไม่ต้องให้มันกินยาตอนอาการลุกลามหนักแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงจะอยู่กับเขาได้อีกนาน
เขาจึงอยากให้ทุกคนได้รู้เรื่องมัน และเรื่องโรค UVD ด้วย เผื่อว่าวันหนึ่งใครบางคนต้องเลี้ยงหมาและเจอหมาอาการแบบเดียวกัน จะได้อยู่กับเจ้าหมาได้นานกว่าพวกเขา
ที่มา: boredpanda