เปิดประวัติ “โมโจ” เน็ตไอดอลนักเรียน 4 ขา กับชีวิตสุดดราม่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้

สุนัขจรจัดที่เป็นโรคเรื้อนมักจะเป็นที่น่ารังเกียจของคนที่พบเห็น ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่มีใครอยากช่วย และไม่มีใครอยากหยิบยื่นโอกาสให้พวกมัน

แต่ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า อิแม่ กฤษณา เจนทิตย์ เลือกที่จะแตกต่าง ด้วยการทำในสิ่งที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่ 

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี 2560 ท่ามกลางอากาศที่แสนเหน็บหนาว หลังจากที่อิแม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำธุระที่ตัวอำเภอ และเดินทางกลับในช่วงเวลาประมาณบ่าย 2

เมื่อออกมาจากตัวอำเภอได้สักระยะ และกำลังผ่านป่าแห่งหนึ่ง อิแม่ก็เหมือนเห็นอะไรแว๊บๆ จึงจอดรถและหันไปดู ปรากฏว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่กำลังนอนกลิ้งอยู่กลางถนน

ที่ต้องบอกว่ามันคือสิ่งมีชีวิต เพราะสภาพของมันในตอนนั้น อิแม่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่

 

 

แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ กลับพบว่ามันมีลักษณะคล้ายหมา จึงลองเรียกมัน โดยการเดาะปากไปสามครั้ง… ปรากฏว่าสิ่งมีชีวิตนั้นวิ่งเข้าไปหาเขา อิแม่จึงมั่นใจว่ามันคือสุนัข ว่าแต่สุนัขตัวนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เพราะที่นั่นไม่ใช่แหล่งชุมชน

สภาพเจ้าตูบตัวนั้นคือ มีเเผลเน่าทั่วทั้งตัว ขี้เรื้อนเปียก ขี้เรื้อนแห้ง และเหม็นมากๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้จ้องตามันไม่ถึง 5 วินาที อิแม่ก็เผลอตกหลุมรักมันอย่างไม่รู้ตัว 

 

 

นอกจากเผลอตกหลุมรักแล้ว อิแม่ยังเผลอตั้งชื่อให้มันว่า โมโจ และพูดกับมันว่า “โมโจ ไปอยู่ด้วยกันนะ” จากนั้นมือหนึ่งก็หิ้วมัน อีกมือหนึ่งก็ขับรถไป

เนื่องจากตอนนั้นอากาศหนาว อิแม่จึงจอดรถระหว่างทาง แล้วถอดเสื้อแจ๊คเก็ตตัวเองใส่ให้เจ้าโมโจ และฝ่าหนาวด้วยระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร จนถึงบ้าน

 

 

เมื่อมาถึง คำแรกที่ได้ยินคือ “เอามันไปทิ้ง..!”  ต่อด้วย “ไปเก็บมาทำไม ขี้เหร่ เชื้อโรคจะมาติดคน….ฯลฯ” อิแม่โดนต่อว่าสารพัด แต่เธอก็ยืนยันจะเก็บเจ้าเน่าตัวนี้ไว้

ตอนนี้ โมโจอาจจะคิดว่าตัวเองมีบ้านอยู่แล้ว แต่สำหรับอิแม่ เธอไม่สามารถบอกมันได้เต็มปากว่ามันจะได้อยู่บ้านนี้จริงๆ สิ่งที่เธอทำได้คือ การอ้อนวอนให้ครอบครัวยอมรับมันให้ได้

 

 

แต่โอกาสที่ครอบครัวจะยอมรับสุนัขเน่าตัวนี้มีน้อยมาก เนื่องจากที่บ้านมีสุนัขอยู่แล้ว 6 ตัว ซึ่งเจ้าตูบต้องได้รับการยอมรับจากพี่ๆ หมาทั้ง 6 ตัวนี้ด้วย

ในช่วงแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครต้อนรับ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับโมโจ มันถูกรุ่นพี่หมาที่ชื่อพี่ปุยฝ้าย ขย้ำ 3-4 ครั้ง ดังนั้น มันจึงต้องคอยหลีกเลี่ยงรุ่นพี่ตลอดเวลา

เท่านั้นยังไม่พอ คนอื่นๆ ในครอบครัวมักจะพูดให้โมโจได้ยินเป็นประจำว่า “ไอ้ตัวเชื้อโรค!!” 

 

 

ชีวิตของโมโจมีแต่อุปสรรคปัญหาเต็มไปหมด นอกจากไม่ได้รับการยอมรับแล้ว มันยังต้องรักษาสภาพร่างกายในขณะนั้นด้วย ซึ่งอิแม่ไม่รู้จะช่วยมันยังไง ได้แต่อาบน้ำให้ โดยหวังว่าจะเป็นการช่วยรักษาโรคเรื้อนให้มันได้บ้าง

อิแม่ไม่ได้ทำแค่รักษาร่างกายภายนอกให้ แต่เธอยังเยียวยาจิตใจของโมโจด้วยการกอด และบอกรักมันบ่อยๆ ซึ่งมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้กับน้องหมา ในขณะที่คนอื่นเอาแต่รังเกียจมัน

 

 

อิแม่ยังคงตั้งหน้ารักษาโมโจต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งอาบน้ำ ทาขมิ้น หมักขมิ้นทุกวัน จนกระทั่งเข้าสัปดาห์ที่ 3 กลิ่นเหม็นเน่าต่างๆ ก็หายหมด แผลเล็กเริ่มหาย ยังคงเหลือแต่แผลที่หนักบนใบหน้าและช่วงหน้าอก

 

 

เมื่อผ่านไปเดือนกว่า แผลน้องโมโจก็เริ่มหายสนิท ขนบางส่วนเริ่มงอก อย่างไรก็ตาม น้องยังไม่เคยยิ้มให้แม่ได้ชื่นใจเลยสักครั้ง

 

 

เมื่อเข้าเดือนที่สอง ของการช่วยเหลือ ขี้เรื้อนทั้งเปียกและแห้งของโมโจก็เริ่มหายไป มีขนสีขาวๆ ขึ้นมาทั่วตัว ข่าวดีค่ะ พี่ปุยฝ้ายได้ยอมรับน้องแล้ว

และนั่นเป็นครั้งแรกที่อิแม่ได้เห็นรอยยิ้มของโมโจ

 

 

พี่ปุยฝ้ายบอกจะพาโมโจไปเที่ยว

 

ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะดีขึ้น โมโจมีชีวิตที่สุดแสนจะแฮปปี้ มีรอยยิ้มที่สดใสตลอดเวลา แผลตามตัวก็หายแล้ว ได้ออกไปตะลอนวิ่งเล่นกับพี่ๆ ในทุ่งนาอันกว้างใหญ่ วิ่งจนเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป ทำให้แม่ต้องอุ้มกลับบ้านอยู่บ่อยๆ

ชีวิตของโมโจดำเนินด้วยความสุขแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 4 ตอนที่เจ้าตูบกำลังเบ่งบานมาก อยู่ๆ มันก็ป่วยหนักขึ้นมา

 

 

โมโจไม่กิน ไม่เล่น และไม่ร่าเริงเหมือนที่ผ่านมา อิแม่เองก็ได้แต่รักษาแบบบ้านๆ หยอดน้ำข้าวให้มันบ้าง เอามันฝังดินบ้าง เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย

ทำไมไม่พาไปหาหมอ…? นี่คือคำถามที่ใครหลายคนถาม พร้อมทั้งคำพูดประชดประชันต่างๆ จากเหล่าแฟนคลับบางคน ซึ่งทำให้อิแม่รู้สึกเจ็บปวดที่สุด

 

 

อิแม่บอกว่าเธออยากพาโมโจไปหาหมอใจแทบขาด แต่ติดที่เธอไม่มีเงินเพียงพอ บวกกับตอนนั้นยุ่งกับเรื่องที่บ้านไม่มีเวลาให้มัน และเธอเองก็มีงานต้องทำ ซึ่งแน่นอนว่าเธอทิ้งงานไม่ได้

อย่างไรก็ตาม อิแม่พยายามฝ่าอุปสรรคเหล่านั้น จนในที่สุด อาการโมโจก็ดีขึ้นจนสามารถลุกขึ้นมากินอาหารเองได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดกังวลไม่ได้ เพราะน้องไม่ยิ้ม ไม่ร่าเริง หน้าอิดโรย แววตาคล้ายแพ้แสง อุ้งเท้าแตก

จมูกแห้งแตก ตัวซีดเหงือกซีดลง… อิแม่ไม่สามารถทนเห็นมันทรมานได้อีกต่อไป เธอจึงออกปากขอร้องนางฟ้าใจดีท่านนึงให้ช่วยค่ารักษาโมโจ

 

 

โชคดีที่เธอคนนั้นตอบตกลงที่จะช่วยโมโจ ทำให้อิแม่ได้มีโอกาสพาโมโจไปหาหมอ โดยหลังจากตรวจร่างกาย คุณหมอบอกว่าโมโจป่วยเป็นโรคหัด และยังพบว่าเป็นพยาธิในเม็ดเลือดถึงสองชนิด

เป็นเวลากว่า 3 เดือน ที่ชีวิตของโมโจมีค่าใช้จ่ายบ่อยๆ มันต้องเข้าออกคลินิกสัตว์เป็นประจำ ในระยะนี้ งานหนักของอิแม่คือ การป้อนยาให้น้อง

 

 

ถึงเวลากินยาทีไร ต้องหลอกล่อและบังคับให้มันกิน ในที่สุด จากหมาเน่าก็กลายเป็นคุณชายผู้เอาแต่ใจ แถมชอบดราม่าสุดๆ มันชอบให้คนอุ้ม คอยเอาใจ และถ้าเมื่อไรที่โดนเมิน มันจะสะอื้นเหมือนร้องไห้

 

 

ตั้งแต่เป็นคุณชาย โมโจก็จะคอยให้คนอุ้มตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ

 

ตามสไตล์ลูกคนสุดท้องของบ้าน โมโจถูกสปอยล์หนักมาก ทำให้มันเริ่มมีนิสัยไม่ดี ชอบแกล้งพี่ปุยฝ้าย พี่ปุยฝ้ายก็แสนดีเหลือเกิน ไม่เคยเอาคืนน้องเลยสักครั้ง เพราะแม่สอนเสมอว่าอย่ารังแกน้องนะ

 

 

แต่แล้ว ชีวิตที่ถูกสปอยล์ของโมโจกำลังจะสิ้นสุดลง เมื่อมีน้องใหม่ ชื่อ ทับทิม เข้ามาอยู่ในบ้าน มันอยู่กับแม่ใกล้ไซต์ก่อสร้าง แม่ไม่มีน้ำนมให้ และที่นั่นก็อันตรายมาก คนงานจึงเอามาให้อิแม่ช่วยดูแล

 

 

น้องทับทิมน่าสงสารมาก แม้แต่โมโจเองยังอดสงสารไม่ได้ และแม้ว่ามันจะชอบการเป็นลูกน้อยของบ้านมากแค่ไหน สุดท้าย มันก็ยอมสละตำแหน่งนี้ให้น้องสาวตัวน้อย

ไม่ได้มีแค่ทับทิมเท่านั้น หลังๆ มา อิแม่ไปเจอลูกหมาถูกทิ้งอีก เธอก็รับมาเลี้ยงอีกเช่นเคย จนโมโจแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่า

 

 

เมื่ออยู่บ้านแล้วแม่ไม่มีเวลาให้ เจ้าโมโจจึงตัดสินใจไปโรงเรียนกับพวกพี่ๆ เพราะในโรงเรียนมีแต่คนสนใจมัน มีแต่คนเอาขนมให้ เพื่อนๆ ก็ดีกับมันทุกคน

ซึ่งช่วงนั้น ภาพของโมโจอาจจะห่างหายไปจากเพจสักระยะหนึ่ง เพราะครอบครัวเอาแต่เห่อน้องใหม่ อย่างไรก็ตาม โมโจได้กลับมาทวงพื้นที่สื่ออีกครั้ง ด้วยภาพขณะใส่ชุดนักเรียนสุดเท่

 

 

วันนั้น โมโจแต่งกายด้วยชุดนักเรียน พร้อมใส่ผ้าพันคอลูกเสือสำรอง โดยแชะภาพขณะทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ทั้งเล่นด้วยกัน กินด้วยกัน เรียนด้วยกัน และโดดเรียนด้วยกัน

 

 

มีเพื่อนเยอะ ไม่ง้อแม่แล้ว เชอะ

 

แต่จุดที่ทำให้แฟนๆ สนใจมากที่สุดคือ เข็มขัดของโมโจ ไม่รู้ว่าเผลอกัดเข็มขัดตัวเองหรือยังไง แม่เลยให้นางผูกเชือกฟางแทน ยังไง วอนแฟนใจบุญบริจาคเข็มขัดให้น้องด้วยนะ

 

 

ถ้าได้ใส่เข็มขัดเหมือนเพื่อนๆ สัญญาจะตั้งใจเรียนฮะ

 

ที่มา หมาเน่าโมโจ

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง...

SHARE

เรื่องราวสัตว์โลกที่น่าสนใจ...