นี่คือภาพที่ถูกถ่ายที่ Sheldrick Wildlife Trust ในเคนยา เผยให้เห็นความผูกพันระหว่างโขลงช้างกำพร้ากับผู้ดูแล ขณะออกสำรวจสิ่งแวดล้อมด้วยกัน
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังภาพเหล่านี้คือ ทีมผู้ดูแลได้สร้างโครงสร้างครอบครัวขนาดใหญ่ให้กับช้างกำพร้า เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว ต่างสูญเสียครอบครัวตั้งแต่เด็ก
ความสัมพันธ์เชิงครอบครัวมีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกช้าง จนกว่าพวกมันจะโตพอที่จะอยู่ร่วมกับโขลงช้างตามธรรมชาติได้
Rob Brandford ผู้อำนวยการของ Sheldrick Wildlife Trust บอกว่า “มันต้องใช้เวลาหลายปี กว่าช้างกำพร้าเหล่านี้จะออกจากการดูแลของผู้ดูแลได้”
เขาบอกอีกว่า “ในช่วงวัยเด็ก พวกมันต้องได้กินนม ต้องการคำแนะนำ การเรียนการสอน และเตรียมความพร้อมสำหรับการเอาตัวรอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มักจะบรรลุเมื่อลูกช้างมีอายุประมาณ 10 ขวบ”
ระหว่างที่อยู่กับผู้ดูแลในสถานที่ที่ปลอดภัยนี้ เหล่าลูกช้างกำพร้าจะมีความผูกพันที่พิเศษกับผู้ดูแล เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนครอบครัวของพวกมัน
ขณะเดียวกัน ทางผู้ดูแลเองก็จะสอนให้ลูกช้างเรียนรู้การใช้ชีวิตกับธรรมชาติให้มากที่สุด และปฏิบัติกับพวกมันอย่างอ่อนโยน
Rob บอกว่า “จริงๆ แล้ว ช้างเป็นสัตว์ที่บอบบางและอ่อนไหวง่าย พวกมันใช้ภาษากายในการสื่อสาร ซึ่งสังเกตได้จากการที่พวกมันใช้ลำตัว งา งวง และหางสัมผัสกัน”
พวกมันไม่เพียงทำแบบนี้กับช้างด้วยกัน แต่ยังทำกับผู้ดูแลด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมช้างกำพร้ากับผู้ดูแลใน Sheldrick Wildlife Trust จึงสนิทและผูกพันกันมาก
ผู้ดูแลทุกคนทำงานด้วยใจ พวกเขาพยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ช้างกำพร้าทุกตัวรู้สึกว่าพวกมันไม่ได้ขาดอะไร โดยการเติมเต็มพวกมันด้วยความรัก ความเอาใจใส่ อย่างที่พวกมันสมควรได้รับจากแม่
.
.
.
ผู้ดูแลทำงานด้วยรอยยิ้ม ช้างน้อยเองก็แฮปปี้
แม้จะให้การดูแลในฐานะมนุษย์ แต่พวกเขาก็สอนให้ช้างใช้ชีวิตตามธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อให้พวกมันเอาตัวรอดได้ในอนาคต
.
.
.
.
.
.
.
ที่มา catersnews