‘อดีตแมวจร’ ผันตัวเองเป็นนักโต้คลื่น ก่อนจะกลายเป็นเน็ตไอดอลที่ช่วยผู้คนทั่วโลก

Pip the Beach Cat เป็นแมวตัวเล็กๆ และผอมมากตอนที่มันมาปรากฏตัวครั้งแรกที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่งในกรุงเบอร์ลิน รัฐแมรี่แลนด์ ในเดือนกันยายน ปี 2018 หลังจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

ที่นั่น Pip ได้เจอกับคุณยายคนหนึ่งอยู่ในบ้าน เมื่อยายเห็นมันเข้า เธอจึงเอาอาหารให้มันกิน น่าเสียดายที่ครอบครัวนี้ไม่สามารถรับเลี้ยงมันได้ และยายเองก็กำลังจะย้ายออกไปอยู่บ้านพักคนชราแล้ว

 

 

ต่อมาเมื่อ Laura Meadows นักเรียนมัธยมซึ่งเป็นเพื่อนกับครอบครัวดังกล่าวรู้เรื่องของแมวตัวนั้น เธอจึงอาสารับเลี้ยงมัน แม้จะยังไม่ได้คุยกับครอบครัวของตัวเองก็ตาม

เมื่อครอบครัวของ Laura รู้เรื่อง พวกเขาไม่ยอมให้เธอเลี้ยง Pip ไว้ ทาง Emily Meadows พี่สาวของเธอกับสามีจึงเสนอให้พาเจ้าเหมียวไปอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก

 

 

ตอนแรก Emily กับสามีจะพาเจ้าเหมียวไปอยู่ศูนย์พักพิง แต่เนื่องจากตอนนั้นศูนย์เต็มพอดี พวกเขาจึงจำต้องดูแลมันเอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Pip

สิ่งแรกที่ครอบครัว Meadows ต้องทำคือ ทำให้เจ้าเหมียวแข็งแรง เนื่องจากตอนนั้นตาของมันติดเชื้อ บวม และคาดว่ามันน่าจะหูหนวก เพราะมันไม่ตอบสนองต่อเสียงรอบตัวเลย

 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพาเจ้าเหมียวไปหาหมอ และทำความสะอาดช่องหูแล้ว คุณหมอบอกว่ามันไม่ได้หูหนวก และตอนนี้มันได้ยินทุกอย่างอย่างชัดแจ๋ว

ตั้งแต่นั้นมา ครอบครัวก็ดูแล Pip อย่างดี จนกระทั่งมันแข็งแรงขึ้น และกลายเป็นตัวสร้างปัญหาเล็กๆ ของบ้าน มันมีพลังงานเยอะมาก และกระตือรือร้นที่จะเล่นตลอดเวลา

 

 

Pip ชอบปีนขอบหน้าต่าง ชอบปัดแก้วน้ำตกจากโต๊ะ ทำอาหารกระจายทั่วพื้นบ้าน แถมยังทำให้แมวตัวใหม่อย่าง Natty กับ Mowgli กลัวมันด้วย

มันมีความสุขมากๆ เวลาได้ปลุกทาสให้ตื่นด้วยการกระโดดขึ้นหัวพวกเขา “Pip สร้างโลกของตัวเอง และเราทุกคนก็อยู่ในโลกของมันด้วย” Emily บอก

 

 

วีรกรรมของ Pip ยังไม่หมดแค่นั้น เจ้าของบอกว่ามันชอบใช้กระถางต้นไม้ในบ้านแทนกระบะทราย นั่นทำให้ Emily กับสามีคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้พฤติกรรมนี้ของมัน

Emily บอกว่า “บ้านนี้ควรจะได้พักผ่อนบ้าน Natty กับ Mowgli ก็คงอยากพักด้วยเช่นกัน ดังนั้น เราจึงตัดสินใจพา Pip ออกไปเดินเล่นข้างนอก”

 

 

Emily อาศัยอยู่ในโอเชียนซิตี้ รัฐแมริแลนด์ ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจพา Pip ไปชายหาด เพื่อดูว่าการออกไปผจญภัยข้างนอก จะทำให้พลังงานของมันลดลงได้บ้างหรือไม่

ปรากฏว่า Pip ชอบชีวิตข้างนอกมากๆ มันทำให้พ่อแม่เห็นว่ามันชอบขุดทราย ชอบวิ่งไปรอบๆ ชอบไล่นก ชอบเล่นกับของเล่นและหอย ชอบซ่อนตัวใต้เก้าอี้ชายหาด

 

 

เมื่อไหร่ที่เหนื่อยจากการเล่นแล้ว เจ้าเหมียวจะนอนอาบแดด แล้วงีบหลับไปข้างๆ ทาสที่พามา ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนมันอยู่ในโลกของตัวเองจริงๆ ตอนนี้มันกลายเป็นนักเที่ยวชายหาดไปแล้ว

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อกระแสน้ำลดลงและคลื่นก็สงบ Emily อนุญาตให้ Pip ออกไปสำรวจน้ำทะเล โดยจับมันอยู่บนกระดานโต้คลื่น แล้วก็คลื่นมากระทบกระดานสองสามครั้ง

 

 

หลังจากเล่นโต้คลื่นบนกระดานเสร็จ Pip กระโดดลงจากกระดานแล้วเดินไปตามชายหาด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนั้นเองที่ทำให้ Emily กับสามีรู้ว่า Pip เป็นแมวที่พิเศษมาก

 

 

เท่านั้นยังไม่พอ Pip ยังกลายเป็นนักว่ายน้ำตัวยงที่ชอบว่ายในแหล่งน้ำตื้นๆ ซึ่งทุกครั้งที่ออกมาผจญภัย ทาสมักจะถ่ายวิดีโอของมันแล้วโพสต์ในโซเชียลเสมอ

นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่มักจะถ่ายรูป ถ่ายคลิปของมันอยู่เสมอ ซึ่งชาวเน็ตจำนวนมากชื่นชอบในความสามารถพิเศษของ และหลายคนกลายเป็นแฟนคลับของมัน

 

 

นอกจากนี้ยังมีทีมงานของสำนักข่าวท้องถิ่น ได้ติดต่อเข้ามาหา Emily เพื่อมาถ่ายทำเรื่องราวของเจ้าเหมียวด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Pip จะได้รับความสนใจมากแค่ไหน แต่กฎของโอเชียนซิตี้ คือ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงไปชายหาดในช่วงฤดูท่องเที่ยว

 

 

ด้วยเหตุนี้ เมื่อสายตรวจมา Pip จะต้องซ่อนตัวให้มิดชิดที่สุด เพื่อหลุดรอดจากสายตาพวกเขา การซ่อนตัวที่ว่าคือ มันจะซ่อนตัวในทราย และรอจนกว่าสายตรวจจะเดินผ่านไป

ที่ผ่านมา Pip ซ่อนตัวได้ดีเสมอ จึงไม่เคยถูกจับได้เลย

 

 

นอกจากชายหาดแล้ว ยังมีที่อื่นที่ Pip ชอบออกไปสำรวจและผจญภัย เช่น ทางเดินริมทะเล

 

ตู้เกมอาร์เคด

 

ไปนั่งตามบาร์และร้านอาหาร

 

สถานที่อื่นๆ ที่น่าสนใจของท้องถิ่น

 

บางครั้งก็ได้ไปออกงานพิเศษ

 

แม้จะมีบางที่ที่ Pip ไม่สามารถไปได้ แต่มันได้รับการสนับสนุนมากมายจากผู้คนในท้องถิ่น นั่นทำให้สถานประกอบการหลายที่ยินดีต้อนรับเจ้าเหมียว

 

 

มีชายหาดหลายแห่งที่ให้ Pip เข้าไปเล่น เข้าไปผจญภัย และเข้าสำรวจได้ทุกครั้งที่ต้องการ นอกจากนี้ มันสนุกกับการพายเรือเล่นกับพ่อในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

 

นั่งในกระเป๋าใบโปรด ระหว่างออกไปปั่นจักรยานกับพ่อ

 

แต่งตัวหล่อๆ ออกบ้านทุกวัน

 

นอกจากอยู่แถวบ้านแล้ว นางยังได้ไปสะวันนา จอร์เจีย และนิวยอร์กซิตี้

 

บางทีก็ไปเป็นอาสาสมัครในบ้านพักคนชรา

 

ไปอ่านหนังสือให้เด็กๆ ฟัง

 

ล่าสุด มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องของ Pip ด้วยนะ ในนั้นได้เขียนทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของเจ้าเหมียว รวมถึงสถานที่ที่มันชอบออกไปสำรวจและผจญภัย

 

 

Emily ไม่อยากให้ผู้คนเห็นว่า Pip โด่งดังเพียงเพราะความพิเศษของมัน ดังนั้น เธอจึงเริ่มก่อตั้ง The Little Pip ซึ่งเป็นโครงการที่ให้เจ้าเหมียวได้ทำงานร่วมกับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ ในชุมชน เช่น บ้านพักชรา ศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษ และโรงเรียน

 

 

นอกจากนี้ Emily ยังทำตุ๊กตาที่เหมือน Pip เพื่อมอบให้กับแฟนคลับของเจ้าเหมียว ให้พวกเขารู้สึกเหมือนมี Pip อยู่ด้วยเสมอ

สำหรับตุ๊กตา Pip ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านพักคนชรา เนื่องจากหลายคนเคยเลี้ยงแมว แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่เห็นแมวมานานมาก ดังนั้น การได้พบกับ Pip และมีตุ๊กตา Pip ไว้กอด เปรียบเสมือนการเติมเต็มในสิ่งที่พวกเขาโหยหา

 

 

นอกจากในชุมชนแล้ว รูปภาพและเรื่องราวของ Pip ได้เผยแพร่ไปทั่วโลก จนมีผู้คนจำนวนหนึ่งเขียนจดหมายมาให้ว่า พวกเขาได้รับกำลังใจ Pip มากมายแค่ไหน ในช่วงเวลาที่เจอเรื่องแย่ๆ

คู่รักคู่หนึ่ง ที่เคยประสบอุบัติเหตุรถชนเขียนมาบอกว่าการได้ติดตามเรื่องราวการผจญภัยของ Pip ทำให้อุบัติเหตุนี้ค่อยๆ ออกจากใจและความคิดของพวกเขา

 

 

จริงๆ แล้ว Emily ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Pip เหมือนกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอเป็นคนกลัวโรงพยาบาล กลัวบ้านพักคนชรา กลัวเลือด ซึ่งทั้งหมดเป็นปมจากวัยเด็กของเธอ

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเอาชนะความกลัวเหล่านี้ได้” Emily บอก “แต่การมี Pip อยู่ด้วย มันช่วยฉันได้มากจริงๆ มันเพิ่มความมั่นใจให้ฉัน และทำให้ฉันเผชิญหน้ากับความกลัวเหล่านั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ”

 

 

ปัจจุบันนี้ Emily กับสามีเริ่มให้การอุปถัมภ์แมวจากศูนย์พักพิงในท้องถิ่น โดยมี Pip เป็นผู้ช่วย และมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก

 

 

แมวหลายตัวที่ผ่านการดูแลจาก Pip ได้รับความรัก ความอบอุ่น และเรียนรู้หลายอย่างจากมัน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่บ้านหลังสุดท้าย

 

 

แม้ Pip จะมีงานให้ทำมากมาย แต่มันมีความสุขกับทุกอย่างที่ได้ทำ เพราะมันไม่ชอบอยู่นิ่งๆ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนแมวทั่วไป ที่บางทีก็ขี้เกียจบ้างอะไรบ้าง

 

 

Pip อาจจะเป็นฮีโร่ เป็นผู้บำบัด และเป็นประโยชน์ต่อผู้คนมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังเป็นลูกน้อยขี้อ้อนของพ่อแม่เสมอ

 

 

ที่มา thedodo

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง...

SHARE

เรื่องราวสัตว์โลกที่น่าสนใจ...