ลูกแมวถูกพบเป็นตัวสุดท้าย ได้เจอเพื่อนใหม่ที่ทำให้อุ่นใจ แถมยังถูกรับเลี้ยงด้วยกันอีก

เมื่อ Ashley Morrison ผู้ช่วยเหลือจากซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน พบลูกแมวถูกแจกจ่ายให้คนที่อยากรับเลี้ยง เธอรู้ว่าต้องให้การช่วยเหลือมัน

พวกมันถูกแจกโดยไม่ได้รับการทำหมัน ไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่จำเป็น เธอจึงเข้าไปถามเจ้าของว่าขอพาพวกมันไปดูแลได้หรือไม่

 

 

หลังจากได้พูดคุยกับเจ้าของ Ashley เสนอที่จะฉีดวัคซีนให้ ให้ยาถ่ายพยาธิ และให้การช่วยเหลือด้านอื่นๆ ด้วย เพราะรู้ว่าเจ้าของไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้กับลูกแมวได้

ตอนแรก Ashley คิดว่าเหลือลูกแมวแค่ตัวเดียวที่เธอสามารถช่วยเอาไว้ได้ (ตัวอื่นถูกแจกไปแล้ว) แต่เมื่อดูดีๆ ก็พบว่ามีลูกแมวอีกตัวหลบอยู่หลังกล่อง

 

 

ลูกแมวตัวนั้นตัวเล็กกว่าพี่น้องถึงครึ่งหนึ่ง และเมื่อ Ashley ตรวจเช็คสภาพของมันก็พบว่าเหงือกของมันซีด และตัวสั่น เธอรู้ได้ทันทีว่ามีบางผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกแมวตัวนี้

ทางเจ้าของยอมให้ Ashley พาลูกแมวไป หลังจากทราบว่าเธอสามารถให้การช่วยเหลือทางการแพทย์กับพวกมันได้ นอกจากนี้ เธอยังทำหมันให้แม่แมวด้วย เพื่อหยุดวงจรแมวจรจัด

 

 

ต่อมา ลูกแมวตัวน้อยถูกตั้งชื่อว่า Munchkin หรือ Munch มันตัวเล็กว่าที่จะเป็นมากๆ ขณะที่พี่ชายของมัน Moose ทำทุกอย่างเหมือนลูกแมวทั่วไป Munch กลับเอาแต่ซ่อนตัวตลอดเวลา

หลังจากไปหาหมอครั้งแรก คุณหมอพบว่า Munch เป็นโรคเลือดจางและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทเล็กน้อย มันอายุเกือบ 3 เดือนแล้ว แต่น้ำหนักแค่ 200 กรัมเท่านั้น

Ashley จึงเฝ้าดูมันตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเติบโตขึ้น

 

 

บางครั้ง Munch มีแววตาเหม่อลอย กระตือรือร้นน้อยกว่าลูกแมวตัวอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเริ่มเล่น ไม่มีอะไรหยุดมันได้เลย

ครั้งไหนที่ไม่เห็น Ashley อยู่ข้างๆ แมวน้อยจะร้องเสียงดังเท่าที่จะทำได้ มันชอบนอนข้างๆ เธอ ชอบงีบบนโซฟา และชอบเล่นอย่างบ้าคลั่งกับคนอื่นๆ

 

 

พี่ชาย Moose พร้อมสำหรับการรับเลี้ยงแล้ว แต่ Munch ยังคงต้องทำให้ตัวเองเติบโตอีกมาก Ashley จึงให้มันอยู่กับลูกแมวตัวใหม่ เพื่อไม่ให้มันเหงา

เพื่อนตัวใหม่มีชื่อว่า Betty ทั้งคู่เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเพื่อนรักที่แยกออกจากกันไม่ได้ แม่ Munch จะแก่กว่า 2 เดือน แต่มันมีขนาดตัวเท่ากับน้องใหม่

 

 

หลังจากที่ Betty ผ่าตัดทำหมันแล้ว Ashley เข้าไปในห้องของพวกมัน เธอพบว่า Munch กำลังนอนกอดแมวน้อยอยู่ ราวกับว่าพยายามทำให้น้องรู้สึกสะดวกสบาย หลังเจอเรื่องน่ากลัวมา

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา Munch น้ำหนักเพิ่มขึ้นจนถึง 1 กิโลกรัม ซึ่งพร้อมสำหรับการทำหมันและหาบ้านหลังสุดท้าย

 

 

และแล้ววันที่ 24 สิงหาคม ฝันของมันก็เป็นจริง Munch กับ Betty ถูกรับเลี้ยงด้วยกัน โดยครอบครัวที่เลี้ยงแมวหลายตัวในบ้าน

 

 

หลังจากนั่งรถ 2 ชั่วโมง สองเพื่อนซี้ก็มาถึงบ้านหลังใหม่ Betty ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและชอบนอนบนต้นไม้แมว ส่วน Munchie ชอบคลอเคลียพ่อแม่ เพื่ออ้อนขอความรักจากพวกเขา

David กับ Erika ครอบครัวใหม่ของลูกแมวทั้ง 2 ตัวบอกว่า “แม่ว่าทั้งคู่จะเป็นพี่น้องต่างแม่ แต่พวกมันผูกพันกันมาก พวกมันชอบเล่น ชอบการกอด และชอบวิ่งไล่จับกันทั่วบ้าน”

 

Munchie อาจจะทำทุกอย่างเหมือนแมวทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว มันมีปัญหาในการมองเห็นน้อย มันเข้าถึงสิ่งต่างๆ ด้วยการดมกลิ่นหรือเสียง และดูเหมือนมันจะชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไปแล้ว

 

 

Munchie ชอบวิ่งจากมุมของบ้านไปยังอีกมุม จนกว่าจะหมดแรง จากนั้นก็จะนอนพักจนหายเหนื่อย แล้วก็ตื่นมาเล่นกับแมวตัวอื่นๆ ต่อ

เจ้าเหมียวเติบโตเป็นแมวที่สง่างาม มันเหมือนเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ใช้ชีวิตตามวัย และไม่รู้สึกกังวลใดๆ

 

 

ทุกๆ คือ แมวสองพี่น้องต่างแม่มักจะนอนใต้เท้าของพ่อแม่ เพราะการอยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ทำให้พวกมันมีความสุขมาก จนทำเสียงกรนไม่หยุด

 

 

ที่มา lovemeow

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง...

SHARE

เรื่องราวสัตว์โลกที่น่าสนใจ...