‘จิ้งจอกสีพาสเทล’ ถูกทิ้ง แต่มันได้รับการช่วยเหลือ และได้มาเจอเนื้อคู่ในที่ที่คาดไม่ถึง

นี่เป็นเรื่องราวของ Zoé สุนัขจิ้งจอกที่ใช้ชีวิตในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Tierart wildlife sanctuary เป็นเวลานานถึง 4 ปี

แต่แล้ววันหนึ่งในปี 2016 ได้มีสุนัขจิ้งจอกอีกตัวหนึ่งที่เหมือน Zoé เข้ามาอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน มันมีชื่อว่า Frodo

 

 

สำหรับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Tierart นั้น ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี ที่ช่วยฟื้นฟูและดูแลสัตว์หลายชนิด รวมไปถึงสัตว์พื้นเมืองอย่างแบดเจอร์ แรคคูน และสุนัขจิ้งจอก

 

 

ตามรายงานของ Tierart ระบุว่า Zoé เข้ามาอยู่ในศูนย์เมื่อปี 2012 หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากฟาร์มแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นฟาร์มที่เลี้ยงสัตว์ขนไว้เพื่อขายขนสัตว์ รวมทั้งขายตัวสัตว์เพื่อหวังผลกำไร

 

 

แน่นอนว่ากิจการดังกล่าวนี้กำลังเป็นที่โต้เถียงกันในหลายประเทศทั่วโลก โดยในปี 2002 ฟาร์มขายขนสัตว์ในอังกฤษมีมากกว่า 6,000 แห่ง

แต่น่าแปลกที่มีเพียง PETA องค์กรเดียวที่รณรงค์ต่อต้านการทำฟาร์มขนสัตว์

 

 

สำหรับในกรณีของ Zoé นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่ามันเคยผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นเหมือนกันคือ มันสีขนที่แตกต่างจากสุนัขจิ้งจอกทั่วไป

 

 

อย่างที่ทุกคนเห็น Zoé มีสีขนพาสเทล ทั้งนี้ทาง Tierart เผยว่าเป็นผลมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างสุนัขจิ้งจอกแพลตตินัมและสุนัขจิ้งจอกสีขาว ซึ่งเป็นความต้องการของผู้ประกอบการ

 

 

ด้วยเหตุนี้ สีขนแบบ Zoé นั้นยากมาก และไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเห็นได้ทั่วไปในป่า ด้วยความแตกต่างนี้ ทำให้มันมีความเสี่ยงมากหากอยู่ในฟาร์มต่อไป

 

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Tierart จึงช่วยมันออกมา และให้มาเข้ามาอยู่ในเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าของพวกเขา เพราะที่นี่มีิสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสัตว์ป่า ทั้งยังเป็นที่ปลอดภัยจากมนุษย์

 

 

นับตั้งแต่ Zoé เข้ามาอยู่ในการดูแลของ Tierart มันต้องอยู่ลำพังในกรงขนาดใหญ่ แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล แต่มันก็คงรู้สึกเหงาอยู่ดี

 

 

จนกระทั่ง Frodo ได้เข้ามาในปี 2016 น่าทึ่งมากที่มันมีสีขนพาสเทลเหมือน Zoé แต่ที่ต่างกันคือ Frodo ไม่เคยเป็นสัตว์ในฟาร์ม

 

 

Tierart เชื่อว่า Frodo น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงส่วนตัวของใครสักคน และหากมันมีเจ้าของจริงๆ แสดงว่าเจ้าของได้ปล่อยปละละเลยมัน จนมีชาวบ้านเจอมันแถวภูเขา Donnersberg ของเยอรมนี

 

 

ตอนแรกชาวบ้านค่อนข้างสับสน พวกเขาบอกว่ามันมีลักษณะคล้ายสุนัขจิ้งจอก แต่ไม่มีใครฟันธงว่ามันคือสุนัขจิ้งจอก อย่างก็ตาม พวกเขาตัดสินใจโทรแจ้งหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

 

 

การพยายามช่วยเหลือ Frodo ครั้งแรกนั้นล้มเหลว แม้จะมีศูนย์พักพิงรวมทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายแห่งพยายามจะวางกับดักให้มัน แต่ก็ไม่สำเร็จ

 

 

กระทั่ง Wildtierhilfe Kaiserslautern เข้ามา พวกเขาสามารถจับ Frodo ได้สำเร็จ จากนั้นพวกเขาก็เอามันไปเลี้ยง จนสุขภาพของมันกลับมาแข็งแรง

หลังจากได้รับการรักษาทางการแพทย์จนร่างกายกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว มันก็ถูกส่งไปอยู่ในการดูแลของ Tierart

 

 

แม้ Frodo จะเข้ามาอยู่ในการดูแลของ Tierart แล้ว แต่เจ้าหน้าที่คิดว่าไม่ควรแนะนำให้มันรู้จักกับ Zoé ทันที โดยมีแผลจะให้มันปรับตัวเป็นเวลา 3 สัปดาห์ แล้วค่อยให้ทั้งคู่พบกัน

 

 

เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ เพราะธรรมชาติของสุนัขจิ้งจอกนั้น มักจะต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นเจ้าถิ่น โดยเฉพาะหากผู้ตัวสองตัวต้องการแย่งตัวเมียตัวเดียวกัน

แต่สำหรับสุนัขจิ้งจอก 2 ตัวนี้ พวกมันเป็นเพศตรงข้างคือ Zoé เป็นตัวเมีย ส่วน Frodo เป็นตัวผู้ จึงไม่น่ามีความขัดแย้งกันมาก

 

 

ทั้งนี้แผนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแผนที่วางไว้ แต่ความจริงคือพวกเขาไม่สามารถรอได้ จึงตัดสินใจพา Frodo เข้าไปอยู่ในกรงที่อยู่ติดกับกรง Zoé ซึ่งกั้นด้วยสายไฟเท่านั้น

 

 

ปรากฏว่าทั้งคู่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ ดังนั้น ไม่กี่วันต่อมา ทาง Tierart จึงตัดสินใจย้ายพวกมันมาอยู่ในกรงเดียวกัน ภาพที่เห็นคือ พวกมันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีปัญหาเลย

 

 

ใครจะไปคิดว่าสุนัขที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มและมาจากประเทศอื่น กับสุนัขที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์และถูกทอดทิ้ง จะเข้ากันได้ดีขนาดนี้

นับจากนี้สุนัขจิ้งจอกสีพาสเทลทั้งสองตัวจะใช้ชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข เนื่องจาก Zoé เพิ่งจะอายุประมาณ 7 ขวบ ส่วน Frodo ประมาณ 4 ขวบ

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าพวกมันน่าจะมีอายุขัยอยู่ที่ 14 ปี

 

 

มีรายงานเพิ่มเติมว่าในเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ทั้งคู่ได้ย้ายไปอยู่ในกรงใหม่ด้วยกัน ซึ่งที่ที่มีพื้นที่กว้างขวางให้พวกมันได้ออกไปผจญภัยมากขึ้น

 

 

ที่มา creepy-world

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง...

SHARE

เรื่องราวสัตว์โลกที่น่าสนใจ...