เมื่อไม่นานมานี้ร้านเทสโก้ (Tesco Express) ในย่านนอร์ตัน เมืองนอร์ริช ประเทศอังกฤษเพิ่งถูกชาวเมืองขู่จะคว่ำบาตร และสาเหตุทั้งหมดเกิดเพียงเพราะ “แมว” แค่ตัวเดียว
แมวที่ว่านั้นก็คือแมวสีขาวส้มซึ่งชื่อว่า Pumpkin มันไม่ใช่แมวจรจัดหรอก แต่ว่าเจ้าแมวมักจะเดินเข้ามางีบในร้านเทสโก้เป็นประจำ
ความเป็นมิตรของมันทำให้ตัวมันกลายเป็นเซเลบประจำถิ่นนั้นไป มีชาวเมืองและลูกค้าของเทสโก้ในย่านนั้นหลายคนที่เอ็นดูเจ้าแมว และชอบที่จะได้เจอมันตอนมาซื้อของ
อย่างไรก็ตามผู้จัดการร้านเทสโก้สาขานั้นก็เพิ่งประกาศทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เพื่อห้ามให้เจ้า Pumpkin เข้ามาในร้านอีกเด็ดขาด เนื่องจากมันขัดกับกฏระเบียบของทางร้านค้า
แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่านั่นเป็นเพราะทางร้านเทสโก้ซึ่งขายอาหาร ไม่อยากให้สัตว์เข้าไปในที่ที่ขายของกิน แต่นั่นก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้ชาวเมืองส่วนหนึ่งไม่พอใจกับกฎนี้ได้
ชาวเมืองส่วนหนึ่งจึงโต้กลับที่ทางร้านไม่ให้เจ้า Pumpkin เข้าร้าน ด้วยการคว่ำบาตร หรือก็คือพวกเขาจะไม่ไปอุดหนุนร้านเทสโก้สาขานี้อีก จนกว่าจะยอมให้เจ้าแมวกลับเข้าไปในร้านโปรดของมันเหมือนเดิม
ทางด้าน Jo Harding ซึ่งเป็นเจ้าของของ Pumpkin พอได้รู้ว่ามีคนจำนวนมากออกมาสู้เพื่อให้มันไปเที่ยวในร้านเทสโก้ได้อีก เธอก็รู้สึกแปลกใจพอสมควร
เธอเล่าว่า “เจ้าแมวไม่รบกวนใครหรอก มันแค่อยากได้ความสนใจจากคน และเราก็อยู่ห่างจากเทสโก้แค่ประมาณ 100 หลาเอง ซึ่งจริงๆ ก็มีอีกหลายร้านที่มันเข้าไปเยี่ยม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเทสโก้
เธอเล่าต่อมา “มันดูบ้ามากที่เฟซบุ๊กของเจ้าแมวมีคำขอเป็นเพื่อนเข้ามาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มันมีเพื่อนเยอะกว่าฉันซะอีก มันมีผู้ติดตามจากทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และนอร์เวย์เลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันดังขนาดนั้นได้ยังไง!
ผู้คนต่างก็บอกว่าจะคว่ำบาตรร้านเทสโก้ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าแมวจะมีคนเข้าข้างมากขนาดนี้ ถึงแม้จะรู้ว่ามีคนในชุมชนที่รักมันมาก แต่แบบนี้มันมากเกินกว่าที่ฉันคิดไว้อีก
ฉันเข้าใจดีนะว่าแมวไม่ควรเข้าไปในร้านแบบนั้น แต่วิธีเดียวที่ฉันจะห้ามมันได้ก็คือห้ามไม่ให้มันออกบ้าน ซึ่งฉันคงไม่ทำแบบนั้นหรอกเพราะฉันคิดว่ามันโหดร้ายกับเจ้าแมว…ดูเหมือนว่าถ้าเจ้าแมวมีปัญหา คนทั้งชุมชนก็พร้อมจะช่วยมัน”
#เหมียวอาตี๋ เองก็เข้าใจนะว่าทางร้านเพียงแค่ทำตามกฎและสิ่งที่เห็นว่าสมควรเท่านั้น แต่ถ้าลูกค้าของพวกเขาเรียกร้องกันมาขนาดนี้ ร้านเทสโก้อาจจะยอมให้เจ้าแมวกลับเข้าไปนอนเล่นก็ได้ ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไป
ที่มา: Lad Bible